The Piano Song
เสียงของเปียโน... และศิลปินที่เธอจะไม่ได้ยินอะไรอีกต่อไปนับจากวินาทีนี้...
ผู้เข้าชมรวม
309
ผู้เข้าชมเดือนนี้
1
ผู้เข้าชมรวม
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
แสงไฟที่ประดับประดาอยู่เต็มห้องโถงค่อยๆหรี่ลงจนบรรยากาศมืดสนิท ก่อนที่สปอร์ทไลท์จะค่อยๆฉายไฟไปที่กลางเวทีพร้อมกับเสียงเปียโนที่ถูกบรรเลงขึ้นอย่างช้าๆ แต่แทรกเข้าไปในทุกอณูของหัวใจผู้ฟังทุกคน เสียงเปียโนค่อยๆดังขึ้นเรื่อยตามจังหวะและก้องไปทั่วทั้งห้องโถงขนาดใหญ่นานราวชั่วโมง หลังจากการแสดงจบลง เสียงปรบมือก็ดังขึ้นอย่างพร้อมเพรียงกันในขณะที่หญิงสาวลุกขึ้นมาโค้งคำนับให้ผู้ชมที่เสียงเปียโนของเธอยังคงตราตรึงอยู่ในหัวใจไม่รู้จบ
เปียโนหลังใหญ่ถูกยกลงมาวางไว้ในบ้านด้วยความช่วยเหลือของพี่ชายอีกสามคนของเธอ เปียโนตัวโปรดที่อยู่คู่กับเธอมาตั้งแต่เธอเริ่มหัดเล่นเปียโนครั้งแรก แม้มันจะเก่า จะถูกซ่อมแซมมาบ่อยครั้งสักเพียงไหน แต่คุณค่าทางจิตใจของมันก็ไม่ได้ลดเลือนน้อยลงไปแม้แต่นิดเดียว มันกลับเป็นสิ่งเดียวที่เธอผูกพันมากขึ้นทุกวัน นับตั้งแต่พ่อแม่ของเธอจากไปครั้นเมื่อเธอยังเด็ก เปียโนที่พ่อแม่ของเธอซื้อให้เป็นของขวัญวันเกิด... จะเป็นตัวแทนของท่านทั้งสองที่บอกว่าท่านจะอยู่กับเธอตลอดไป...
งานแสดงของวันนี้ผ่านไปด้วยดี เธอรู้สึกผ่อนคลายมากหลังจากที่กดดันมาตลอดหนึ่งปีที่ผ่านมา นี่เป็นครั้งแรกที่เธอได้ขึ้นเวทีเดี่ยวหลังจากเธอหัดเล่นเปียโนตลอดยี่สิบปีที่ผ่านมา และเธอก็ภูมิใจมากที่มันผ่านไปด้วยดี
หลังจากนั้น เธอก็กลายเป็นศิลปินของโรงละครแห่งนี้ เป็นศิลปินที่ประสบความสำเร็จในชีวิต มีผู้คนมาชมการแสดงของเธออย่างไม่ขาดสาย จนกระทั่งวันหนึ่ง หลังจากเสร็จงานเธอได้เลือกที่จะไปเดินเล่นผ่อนคลายก่อนเข้านอน ถนนยามรัตติกาลมืดสนิท มีเพียงแสงไฟจากข้างทางเท่านั้นที่เปล่งประกายในความมืดเป็นช่วงๆไป
ปี๊นนน~!!!
แสงไฟจากรถเก๋งที่โผล่มาจากโค้งข้างหน้าส่องเข้าตาเธอย่างจัง เสียงแตรที่ดังลั่นท้องถนนอันเงียบสงัดดังขึ้นก่อนที่จะเงียบลงพร้อมกับรถที่หายเข้าไปในเงามืด เหลือไว้เพียงลอยล้อรถบนถนนและ...เธอที่นอนสลบอยู่บนพื้นโดยไร้ร่องรอยของเลือดใดๆทั้งสิ้น
โชคดีที่เธอไม่เป็นอะไรมาก เพียงแค่เข้าเฝือกแขนเท่านั้น และอีกไม่นานหากแขนเธอหายเมื่อไร เธอก็พร้อมที่จะกลับไปเล่นเปียโนได้อีกครั้ง หากแต่เธอไม่ฟื้นขึ้นมาและพบว่าตนเองไม่ได้ยินเสียงอะไรอีกเลย...
“หน้าที่ของศิลปินคือการใส่สีสันให้ทำนอง...” พ่อกับแม่ของเธอเคยบอกเธอไว้ และเธอก็ใช้มันมาตลอด หากแต่วันนี้...เธอคงไม่ได้ยินเสียงใดๆอีกแล้ว แล้วเธอจะเป็นศิลปินได้อย่างไร?
หญิงสาวที่อนาคตกำลังไปด้วยดีกลับต้องจบอนาคตด้วยเพียงอุบัติเหตุครั้งนี้... เธอไม่ยอมทานอาหาร เธอไม่ยอมยิ้ม ไม่ยอมหัวเราะ ไม่ยอมสนใจใครทั้งนั้น เธอได้แต่เพียงมองทะลุออกหน้าต่างไปแม้จะรู้ว่าทำอย่างนี้ก็ไม่ได้มีอะไรดีขึ้นเลย จนร่างกายของเธอซูบผอม ปากซีด แห้งและแตก หลายคนกังวลว่าเธออาจจะเป็นโรคซึมเศร้า พี่ชายของเธอพยายามรบเร้าให้เธอไปพบจิตแพทย์ แต่เธอก็ไม่ยอม พออุ้มไปพบเธอก็ไม่ยอมสื่อสารกับจิตแพทย์เลย จนทุกคนเหนื่อยใจ และปล่อยเธอให้เป็นไปตามยถากรรม
หญิงสาวถูกทิ้งให้โดดเดี่ยวเดียวดายเพียงไม่นานเปลือกตาของเธอก็เริ่มปิดลงช้าๆ แม้มันอาจจะไม่แตกต่างจากการหลับสักเท่าไหร่ แต่นี่จะเป็นการหลับครั้งสุดท้าย... การจากไปอย่างไม่มีใครรู้...
“ศิลปินผู้รักเสียงเปียโน” เสียงอันคุ้นเคยดังขึ้นด้านหลังของเธอ วิญญาณของหญิงสาวผู้น่าสงสารค่อยๆหันหลังไปทางประตู วิญญาณของชายวัยกลางคนและหญิงวัยกลางคนที่เธอคุ้นเคยยิ้มบางๆให้ พลันน้ำตาก็ไหลรินออกจากตาสองข้างทั้งสองฝ่าย “หากเรายังมีลมหายใจ...แม้เราจะเหลือเพียงแขนข้างเดียว เราก็ต้องอยู่ต่อไปให้ได้... อย่าเพิ่งท้อนะลูก” เสียงอันสั่นเครือของผู้เป็นแม่ดังขึ้นก่อนที่ร่างของทั้งสองจะค่อยๆเลือนรางจางหายไป แสงสีขาวจ้าสว่างขึ้นพร้อมกับเสียงเปียโนที่เธอชอบบรรเลงจะดังขึ้นก้องไปหมด ตาของเธอพร่ามัวในขณะที่เสียงเปียโนยังคงดังไม่หยุด จากเพลงช้าๆค่อยๆเร่งจังหวะขึ้นเรื่อยๆ ใจที่เหี่ยวเฉาของเธอเริ่มมีชีวิตชีวาอีกครั้ง เธอหลับตาฮัมเพลงเบาๆไปตามจังหวะก่อนที่เธอจะค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้นช้าๆ และรู้สึกตัวว่าเธอกลับเข้ามาอยู่ในร่าง...ร่างที่ไม่สามารถได้ยินอะไรได้อีกต่อไปแล้ว...
แต่สิ่งที่เปลี่ยนไปก็คือกำลังใจ เธอมีกำลังใจที่จะมีชีวิตต่อไปแม้จะไม่ได้ยิน เพราะคำของแม่...
“หากเรายังมีลมหายใจ...แม้เราจะเหลือเพียงแขนข้างเดียว เราก็ต้องอยู่ต่อไปให้ได้...”
ผลงานอื่นๆ ของ FairiesT ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ FairiesT
ความคิดเห็น